วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ค้นหาแก่นมาติสส์

The Gulf of Saint-Tropez

ในแวดวงศิลปะ ไม่มีใครไม่รู้จัก อองรี มาติสส์ (มีชีวิตระหว่าง ค.ศ.1869 - 1954) ศิลปินที่โดดเด่นที่สุดแห่งต้นศตวรรษที่ 20

ตลอดชีวิตการทำงานของเขาเต็มไปด้วยมาตรฐานและการตรวจสอบตัวเอง

เคลเมนต์ กรีนเบิร์ก นักวิจารณ์ศิลปะรุ่นเดียวกับศิลปิน บอกว่า อองรี รู้จักการวาดภาพพอๆ กับรู้วิธีหายใจ “ตลอดชีวิตการทำงาน เขาตั้งคำถามกับงานของตัวเอง วาดใหม่จนกว่าจะพอใจ หรือสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลงานของเขาได้มากเสมอ

ผลงานที่วาดเสร็จแล้วเป็นอุปกรณ์ชั้นเลิศของเขา ที่มีไว้ปรับปรุง แก้ไของค์ประกอบภาพ เพิ่มเทคนิค มุมมองใหม่ๆ ลงไป ให้ได้ภาพเขียนที่ลุ่มลึกกว่าเก่า”
Le Luxe I

ในนิทรรศการ Matisse: In Search of True Painting ระหว่างวันนี้ – 17 มี.ค. ณ ชั้น 1 ด้านลีล่า เอชสัน วอลเลซ วิง ของโมมา นิวยอร์ก (The Metropolitan Museum of Art) ทุกคนสามารถไปค้นหาตัวตนที่ลึกซึ้งของจิตรกรฝรั่งเศสรายนี้ได้ จากภาพเขียน 49 ภาพ ที่ได้รับความร่วมมือจาก หอศิลป์แห่งชาติเดนมาร์ก (Statens Museum for Kunst) กรุงโคเปนเฮเกน และศูนย์ศิลปะสมัยใหม่ซองเทรอ ปอมปิดู (Centre Pompidou, Musee National d’Art Moderne) กรุงปารีส
Young Sailor I

อองรี ศึกษาจากการวาดภาพก๊อปปี้ผลงานระดับปรมาจารย์ในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ไม่ว่าจะเป็น โปล
เซซานน์ (1839 - 1906) หรือ โปล ซีญัค (1863 - 1935) โดยในช่วงปี 1904 – 1905 เขาเริ่มวาดภาพแนวสติลไลฟ์ (Still Life) โดยก๊อปปี้จาก 2 มาสเตอร์ที่ว่า ด้วยการทำออกมาคราวละ 2 แบบ 2 สไตล์

ชิ้นหนึ่งวาดตามระบอบของโอลด์มาสเตอร์ที่เขาชื่นชอบ ส่วนอีกชิ้นใส่สีสันสดๆ เช่นว่า สีเขียว สีม่วง กับฝีแปรงแนวขวางๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองลงไป
Interior with Violin (Room at Beau-Rivage)

อองรี มาติสส์ อธิบายภายหลังว่า การทำงานออกมาหลายๆ เวอร์ชั่นดังกล่าว ก็เพื่อที่จะถ่ายทอดความเข้มข้นของเส้นสี และอารมณ์ของแต่ละภาพอย่างที่เขาต้องการ

ในที่สุดก็พัฒนาออกมาเป็นสีสันในสไตล์ของตัวเอง อันสุดแสนจะจัดจ้าน ร้อนแรง จนได้ชื่อว่าเป็นผู้บุกเบิกรูปแบบศิลปะ สไตล์โฟวิสม์ (Fauvism) ที่เริ่มเห็นได้ชัดในชิ้นงาน Young Sailor I และ Young Sailor II ปี 1906 และ Le Luxe I ปี 1907 กับ Le Luxe II ปี 1907 – 8
Still Life with Magnolia
Meditation (Portrait of Laurette)

หลังจากเริ่มทดลองวาดภาพ 2 สไตล์ในคราวเดียวกันเป็นเวลา 10 ปี อองรี มาติสส์ หันมาวาดภาพขนาดใหญ่ โดยมีแรงบันดาลใจเป็นศิลปะในยุคอิมเพรสชันนิสม์

ผลงานโดดเด่นในช่วงนี้ อย่าง Meditation (Portrait of Laurette) ปี 1916 – 7 กับชิ้นงานจำนวนมาก ที่วาดขึ้นในฉากหลังเป็นโรงแรมโบ – รีวาจ ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โดยตั้งใจเขียนเป็นภาพประดับผนังโรงแรมแห่งเดียวกัน ซึ่งทำให้เกิดการปฏิวัติภาพศิลปะในโรงแรมหรูทั่วยุโรปไปอย่างสิ้นเชิง
Notre-Dame, 1914

ในการทำงาน อองรี จ้างช่างภาพมาถ่ายภาพนางแบบเอาไว้ ก่อนที่เขาจะสร้างสรรค์ชิ้นงานเหล่านั้นออกมาเป็นงานจิตรกรรม ซึ่งในปี 1945 ได้มีการจัดนิทรรศการแสดงภาพในซีรีส์นี้ พร้อมทั้งภาพถ่ายกับบรรยากาศในสตูดิโอทำงานของอองรี แบบเคียงคู่กันชิ้นต่อชิ้น ที่แกลเลอรี แมห์ต กรุงปารีสด้วย ขึ้นมาแต่แฝงไว้ด้วยสไตล์แบบโอลด์มาสเตอร์

อองรี มาติสส์ ยังสร้างสรรค์ภาพแนวอินทีเรียร์ไว้อีกที่ วิลล่า เลอ เรฟ เมืองวองซ์ ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างปี 1944 – 1948

เขาเคยเขียนจดหมายถึงลูกชาย ปิแอร์ มาติสส์ พูดถึงสีสันสดๆ จัดๆ ที่เขานิยมใช้นั้น ก็เพื่อต้องการจะสื่อสารให้ถึงตรง และใกล้ชิดกับผู้เสพย์ศิลปะ