วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2559

ชีวิตล้ำๆ ของ เกอร์ดา เวเกเนอร์

เรื่องราว ชีวิตของคู่จิตรกรชาวเดนิช เกอร์ดา เวเกเนอร์ และสามี ไอนาร์ เวเกเนอร์ (ที่ภายหลังกลายเป็นสตรีข้ามเพศคนแรกของโลก ลีลี่ เอลเบ) ได้รับการถ่ายทอดลงในภาพยนตร์ The Danish Girl (บ้านเราจะเข้าฉายประมาณเดือน ก.พ. 2016) ทว่า หอศิลป์อาร์เคน (Arken) ในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ชิงจัดแสดงนิทรรศการผลงานของ เกอร์ดา เวเกเนอร์ ก่อนหนังจะเข้าฉายที่สหรัฐเสียอีก และนิทรรศการ Gerda Wegener จะจัดยาวไปถึงวันที่ 16 พ.ค. 2016 เลย

หากมองย้อนไปในช่วงรอยต่อศตวรรษที่ 19-20 ผลงานของจิตรกรและนักวาดภาพประกอบหญิงผู้นี้ สุดแสนจะสั่นสะเทือนวงการ ด้วยภาพเขียนที่เน้นไปในแนวเซ็กซี่อีโรติก นอกจากนี้ ชีวิตของเธอยิ่งผิดเพี้ยนบิดเบี้ยวไปจากขนบของสังคมอย่างสุดๆ เช่นเดียวกัน

เกอร์ดา มารี เฟรดริกเค กอตลิบ (มีชีวิตระหว่างปี 1886-1940) ลูกสาวของพระในศาสนาคริสต์ที่เติบโตในชนบทของเดนมาร์ก ก่อนจะย้ายเข้ามายังกรุงโคเปนเฮเกนเพื่อศึกษาต่อทางด้านศิลปะที่รอยัล อะคาเดมี ออฟ ไฟน์ อาร์ตส์ อันเป็นที่ที่เธอได้พบกับสามี ไอนาร์ เวเกเนอร์ (มีชีวิตระหว่างปี 1882-1931)

ทั้งคู่แต่งงานกันในปี 1904 ตอนนั้นเกอร์ดาอายุ 19 ส่วนไอเนอร์ 21 ข้าวใหม่ปลามันเดินทางไปยังอิตาลีและฝรั่งเศสในปี 1912 โดยเกอร์ดาประสบความสำเร็จอย่างสูง ทั้งในฐานะจิตรกรและนักวาดภาพประกอบให้นิตยสารดังของฝรั่งเศสหลายเล่ม

แม้จะสร้างชื่อเสียงโด่งดังในฝรั่งเศส แต่เธอก็ไม่ลืมบ้านเกิดในเดนมาร์ก เกอร์ดาจัดนิทรรศการผลงานเดี่ยวของเธออย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะแกลเลอรี่โอเล ฮัสลุนด์ ในกรุงโคเปนเฮเกน ไม่เพียงประสบความสำเร็จจากผลงานที่ได้การยอมรับเท่านั้น หากชีวิตการแต่งงานที่ไม่ธรรมดาของเธอก็ยิ่งสร้างชื่อเสียงให้อีกทวีคูณ

ในช่วงเวลาของเธอ หลายๆ คนเห็นว่า ลีลี่มีความสามารถทางศิลปะมากกว่าเกอร์ดา เม้าท์กันว่า ไอนาร์ ถึงกับต้องลดการผลิตผลงานลงเพื่อให้ภรรยาโด่งดังขึ้นมาได้

เขาซึ่งกลายเป็นเธอในภายหลัง เริ่มเป็นเป็นแบบให้ภรรยาในชุดสตรีครั้งแรก เมื่อนางแบบที่เธอจ้างไว้เกิดเบี้ยวนัดกะทันหัน ไอนาร์แต่งองค์ทรงเครื่องครบมาก ทั้งสวมถุงน่องและรองเท้าส้นสูง แถมตั้งฉายาให้ตัวเองเสร็จสรรพว่า ลีลี่ เอลเบ

เขารู้สึกดีในคราบสตรีอย่างบอกไม่ถูก และลีลี่ก็กลายเป็นนางแบบที่เกอร์ดาปลื้มสุดๆ ทั้งสร้างชื่อเสียงให้เธอกับภาพแนวอีโรติกในเวลาต่อมา

ในที่สุดไอนาร์ก็ตัดสินใจที่จะกลายเป็นผู้หญิงจริงๆ และสร้างประวัติศาสตร์ในการผ่าตัดแปลงเป็นสตรีข้ามเพศเป็นคนแรกของโลกในปี 1930 โดยมีเกอร์ดาคอยสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างแข็งขัน

เกอร์ดา
คู่แต่งงานเวเกเนอร์ได้รับการประกาศว่าเป็นโมฆะอย่างเป็นทางการ ในเดือน ต.ค. 1930 โดยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 10 กษัตริย์แห่งเดนมาร์กในขณะนั้น และในปีต่อมาหลังจากลีลี่เสียชีวิตจากการผ่าตัดครั้งที่ 4 เพื่อที่จะให้เธอสามารถแต่งงานได้เหมือนผู้หญิงจริงๆ เกอร์ดาก็แต่งงานใหม่ กับนายพลเฟร์นานโด ปอร์ตา นักบินชาวอิตาเลียน ก่อนจะย้ายตามสามีไปอยู่ที่โมร็อกโก ทว่าหย่าขาดจากกันในอีก 5 ปีต่อมา และเธอก็ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านในกรุงโคเปนเฮเกน

เกอร์ดาจัดนิทรรศการเดี่ยวครั้งสุดท้ายในปี 1939 แต่ศิลปะของเธอเริ่มไม่ได้รับความนิยมแล้ว เธอเสียชีวิตในอีกปีถัดมา

The Danish Girl หนังสือที่เล่าเรื่องราวชีวิตของไอนาร์หรือลีลี่กับเกอร์ดา ตีพิมพ์ในปี 2000 กลายเป็นหนังสือขายดี และได้รับการแปลออกมาในหลายภาษา ก่อนที่ผู้กำกับ ทอม ฮูเปอร์ จะสนใจสร้างเป็นหนังฮอลลีวู้ด ที่มีนักแสดงสวีดิช อลิเซีย วิคันเดอร์ รับบทเกอร์ดาร์ ส่วนบทบาทไอนาร์และลีลี่นั้นได้นักแสดงออสการ์ อย่าง เอดดี เรดเมน มาแสดง

แกลเลอรี่อาร์เคน บอกว่า เกอร์ดาเป็นสตรีที่ก้าวล้ำกับสมัยที่เธออยู่ ไม่ว่าจะเป็นผลงานศิลปะแนวอีโรติกที่ผู้คนต้องตะลึง ทว่า การสนับสนุนให้สามีตัวเองผ่าตัดแปลงเพศนั้นก็ไม่ใช่เรื่องของผู้หญิงในยุคเดียวกันจะคิดได้

การนำผลงานกว่า 170 ชิ้นมาจัดแสดงไว้ที่อาร์เคน แกลเลอรี่ ก็นับเป็นครั้งแรกที่มีการรวบรวมมาเพื่อระลึกถึงเธอในรอบ 50-60 ปีเลยทีเดียว