วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
พลิกตำนาน โรมารี แบร์เดน A Black Odyssey
เมื่อปี ค.ศ. 1977 ศิลปินหนุ่มแอฟริกัน – อเมริกัน โรมารี แบร์เดน (มีชีวิตระหว่าง ปี ค.ศ. 1911 – 1988) สร้างสรรค์ผลงานคอลลาจและสีน้ำ ที่ได้แรงบันดาลใจจากวรรณกรรมคลาสสิกอันเลื่องลือของโฮเมอร์ The Odyssey ซึ่งเขาตั้งชื่อว่า A Black Odyssey โดยเนื้อหาเป็นการเล่าเรื่องส่วนต่อขยายของงานศิลปะก่อนหน้านี้ของเขา ที่เท้าความไปถึงประวัติศาสตร์แห่งเผ่าพันธุ์ ของคนผิวสีในอเมริกา ซึ่งคล้ายว่าเป็นผลงานที่เล่าเรื่องบรรพบุรุษของเขาเองก็ไม่ปาน
ระหว่างวันนี้ – 11 ส.ค. สถาบันสมิธโซเนียน ผู้เป็นเจ้าของผลงานศิลปะดังกล่าว จัดนิทรรศการ Romare Bearden: A Black Odyssey ณ หอศิลปะอเมริกัน แอมอน คาร์เตอร์ ในฟอร์ตเวิร์ธ รัฐเท็กซัส รวบรวมกว่า 50 ชิ้นงาน ที่นำเอาเทพปกรณัม ทั้งฝ่ายดีและฝ่ายร้ายมาแปลงกายเป็นชาวผิวสี นอกจากนี้ ยังได้แปลงเรื่องราวจากบทกวี The Odyssey มาเป็นเรื่องราวสุดเสียดสี ที่ดูมีความเป็นสากลประกอบเอาไว้ด้วย
โรมารี เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ทางด้านศิลปะหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรม ดนตรี หรือศิลปะการแสดง นอกจากนี้ เขายังล้ำเลิศทางด้านภาษา วรรณคดี และประวัติศาสตร์อีกต่างหาก จึงไม่แปลกที่เขาจะหลอมรวมความสามารถทั้งหมด แล้วสร้างสรรค์ออกมาเป็นผลงานที่ว่ามา
ว่าที่จิตรกรผิวสีเริ่มศึกษาที่มหาวิทยาลัยลินคอล์น ก่อนที่จะย้ายหน่วยกิตไปยังมหาวิทยาลัยบอสตัน แต่สุดท้ายไปศึกษาจบจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (NYU) ทางด้านการศึกษา โดยขณะที่เรียนที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์กนั้น เขาได้ศึกษาเพิ่มเติมด้านศิลปะไปพร้อมๆ กัน แถมยังได้งานเขียนการ์ตูน และเป็นบรรณาธิการฝ่ายศิลป์ของหนังสือรายเดือน The Medley โดยก่อนหน้านั้น เขาเคยเป็นบรรณาธิการฝ่ายศิลป์ให้ Beanpot นิตยสารแนวขบขันของมหาวิทยาลัยบอสตันมาแล้ว
หลังจากเรียนเสริมทางด้านศิลปะที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์กอยู่ 1 ปี ก็เกิดติดใจ จึงไปเรียนเพิ่มอีกที่มหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส หลังศึกษาจบ ในปี ค.ศ. 1935 โรมารี เข้าทำงานเป็นนักเขียนการ์ตูนรายสัปดาห์ให้กับหนังสือ Baltimore Afro-American ทำอยู่ 2 ปีเต็ม เขาก็เริ่มออกมารวมกลุ่มกับศิลปินด้วยกัน โดยสังกัดฮาร์เล็ม อาร์ทิสต์ กิลด์
โรมารี หันมาทำงานและศึกษาเรื่องศิลปะอย่างเต็มตัว จากศิลปินระดับมาสเตอร์ชาวยุโรป ตั้งแต่ระดับ ดุคโช เด ลูกา จอตโต ดิ บอนโดเน และปีเตอร์ เด ฮุช ไปจนถึง โปล เซซานน์ ปาโบล ปิกัสโซ และอองรี มาติสส์ รวมไปถึงศิลปะแอฟริกัน (ประติมากรรม หน้ากาก และผ้าทอ) ศิลปะโมเสกไบเซนไทน์ รวมไปจนถึงภาพพิมพ์ญี่ปุ่น แล้วก็ภาพวาดแลนด์สเคปของจีน โดยระหว่างทศวรรษที่ 1930 – 1960 เขาทำงานกลายวันที่เทศบาลเมืองนิวยอร์ก ส่วนตอนกลางคืนและวันเสาร์-อาทิตย์ มีไว้ศึกษาและทำงานศิลปะ
ในที่สุด โรมารี แบร์เดนก็มีนิทรรศการศิลปะครั้งแรกในฮาร์เล็ม กรุงนิวยอร์ก ในราวๆ ปี ค.ศ. 1940 ตามด้วยที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ในปี ค.ศ. 1944 และหลังจากนั้นอีกหลายครั้งทั่วสหรัฐและทวีปยุโรป ทั้งในรูปแบบคอลลาจ ภาพสีน้ำ สีน้ำมัน ภาพโฟโต้มอนทาจ (นำภาพถ่ายมาปะต่อให้ได้องค์ประกอบและเรื่องราวใหม่) รวมทั้งศิลปะสื่อผสมที่ถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ วรรณกรรม ดนตรี และศิลปะไปพร้อมๆ กัน
ทศวรรษที่ 1970 โรมารี ย้ายไปอาศัยอยู่ที่เซนต์มาร์ติน ในหมู่เกาะแคริบเบียน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของภรรยา หลังจากนั้นผลงานศิลปะของเขามักถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับชาวเกาะและมีฉากส่วนใหญ่เป็นท้องทะเล
โรมารี แบร์เดน ได้รับการจดจำว่าเป็นศิลปินที่สร้างสรรค์ที่สุดของศตวรรษที่ 20 อาจเนื่องเพราะเขาสร้างสรรค์งานไว้มากมายหลากหลายแขนง โดยเฉพาะผลงานคอลลาจที่ดูเหมือนลายผ้าทอของแอฟริกัน ที่มี 2 ชิ้นได้ขึ้นปกนิตยสาร Fortune และ Time ในปี ค.ศ. 1968
ปัจจุบัน มีผลงานของเขาแสดงอยู่ในหอศิลป์ต่างๆ มากมาย ในสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็น โมมา นิวยอร์ก วิทนีย์ มิวเซียม หอศิลป์ฟิลาเดลเฟีย หอศิลป์บอสตัน สถาบันศิลปะดีทรอยต์ และแน่นอน ที่สตูดิโอมิวเซียม ในฮาร์เล็ม และหอศิลป์แห่งชาติ กรุงวอชิงตัน ดีซี ฯลฯ
สำหรับนิทรรศการนี้ได้รับความร่วมมือจากสถาบันสมิธโซเนียน มูลนิธิโรมารี แบร์เดน ดีซีมอร์ แกลเลอรี โดยได้ภัณฑารักษ์จากสถาบันภาษาและวรรณคดีอังกฤษ เดอะ โซรา นีลี แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย รวมทั้งความสนับสนุนจากมูลนิธิสตาฟรอส นิอาร์คอส
----------
ไปชมภาพของ โรมารี แบร์เดน ได้ที่
www.nga.gov/feature/bearden/img-list.shtm และ www.cartermuseum.org/exhibitions/romare-bearden-a-black-odyssey/artworks/28795
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น