จิตรกรที่มีผลงานอันเป็นเอกลักษณ์สุดโดดเด่นของศตวรรษที่ 20 ปิแอร์
บอนนารด์ ศิลปินนัดวาดและพิมพ์ภาพ หนึ่งในสมาชิกที่ร่วมก่อตั้งกลุ่มนาบีส์
(Les Nabis)
ที่รวมเอากลุ่มศิลปินก้าวหน้าแห่งยุคโพสต์-อิมเพรสชันนิสม์เอาไว้
ปิแอร์ นิยมสร้างสรรค์งานจากความทรงจำ
เขามักอาศัยภาพดรออิงที่สเกตช์แบบเอาไว้เป็นตัวช่วยแทนที่แบบตัวเป็นๆ
โดยมักมีโน้ตเกี่ยวกับสีสันที่จะใช้เขียนกำกับไว้
ภาพส่วนใหญ่ของเขามักเป็นเรื่องราวง่ายๆ ในบ้าน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพวาดของภรรยา มาร์ต เดอเมอลินญี
ความโดดเด่นในผลงานของปิแอร์ บอนนารด์
อยู่ที่การไม่ยึดติดองค์ประกอบภาพแบบเดิมๆ หันไปเน้นเรื่องของสีสัน
และสร้างเรื่องราวในภาพราวบทกวี หรือความเรียงที่ให้ข้อคิด
ตั้งแต่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20
ที่แวดวงศิลปะต่างก็ยอมรับในผลงานที่มีสีสันแปลกไม่ซ้ำใคร
รวมทั้งเต็มไปด้วยจินตนาการสุดซับซ้อน
โรเบอร์ตา สมิธ นักวิจารณ์ศิลปะชาวอเมริกันบอกว่า
การเลือกใช้สีของเขาไม่ใช่เพียงความแตกต่างที่เห็นได้ด้วยตา
ทว่า เปี่ยมไปด้วยความร้อนแรงแห่งอารมณ์
ที่ห่มคลุมไปด้วยม่านสีสุดนวลเนียนแต่ร้อนแรง
ผสานกับองค์ประกอบที่คาดไม่ถึง และรูปทรงอันแปลกประหลาด
ปิแอร์ เกิดที่ฟงเตอเนย์-โอซ์-โรส ชานกรุงปารีสทางตอนเหนือของแม่น้ำแซน
เมื่อ 3 ต.ค. 1867 ในครอบครัวอำมาตย์ บิดาของเขาเป็นถึง รมว.กระทรวงสงคราม
เขาเรียนกฎหมายตามใจพ่อจนจบและพร้อมว่าความ
หากก็ศึกษาศิลปะที่เขาสนใจเป็นส่วนตัวไปพร้อมๆ กันด้วย
ซึ่งในที่สุดแล้วเขาก็เลือกที่จะเป็นจิตรกร
ในปี 1891
เขาได้เข้าร่วมแสดงผลงานในนิทรรศการประจำปีของกลุ่มศิลปินอิสระ
อย่างโซซิเอเต เดส์ อาร์ติสต์ส แองเดปองด็องต์ส (Société des Artistes
Indépendants) และปีเดียวกัน ยังได้ร่วมงานกับนิตยสาร La Revue Blanche
ซึ่งเขาและเอดูอารด์ ฟุยยารด์
ได้ช่วยกันออกแบบปกของนิตยสารเกี่ยวกับศิลปะและกวีฉบับนี้
ในวัยต้น 20 เขาและเพื่อนศิลปินหนุ่มๆ วัยเดียวกัน อย่าง เอดูอารด์
ฟุยยารด์ โมริซ เดอนีส์ ฯลฯ
ได้ร่วมกันตั้งกลุ่มนาบีส์โดยเป็นการรวมพวกหัวก้าวหน้า ทั้งสาขาจิตรกรรม
กราฟฟิกอาร์ต และวรรณกรรม สมัยโพสต์-อิมเพรสชันนิสม์
นอกจากวัยใกล้เคียงแล้ว สมาชิกส่วนใหญ่ยังจบการศึกษาจากโรงเรียนศิลปะเอกชน
โรโดล์ฟ ชูเลียง กรุงปารีสช่วงทศวรรษที่ 1880 อีกด้วย
กลุ่มนาบีส์
รวมตัวกันสร้างสรรค์ศิลปะเชิงสัญลักษณ์และจิตวิญญาณของธรรมชาติ
นอกเหนือจากผลงานจิตรกรรมแล้ว เขายังมีภาพวาดโปสเตอร์ ภาพประกอบในหนังสือ
ภาพสเก็ตช์การออกแบบฉากละครเวที รวมทั้งภาพพิมพ์
ปิแอร์ ออกจากกรุงปารีสไปอาศัยที่ตอนใต้ของฝรั่งเศสในปี 1910
จากบันทึกของเพื่อนๆ และนักประวัติศาสตร์ศิลปะต่างบอกว่า เขาเป็นคนที่เงียบ
รักสันโดษ และมีโลกส่วนตัวสูงมาก ด้วยความที่เกิดในตระกูลร่ำรวย
เขาจึงปราศจากความเครียดทั้งปวง
การสร้างสรรค์งานศิลปะของเขาราวกับเป็นหนทางสู่ปัญญา
เป็นเครื่องมือแห่งความหลุดพ้น
ปิแอร์ บอนนารด์ เป็นที่รู้จักด้านการใช้สีที่จัดจ้าน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ฝีแปรงเล็กๆ กอปรกันขึ้นจนเป็นจุดเด่นในภาพ
ภาพของเขามักจะมีองค์ประกอบที่ซับซ้อน
อย่างเช่นภาพแสงอาทิตย์ส่องจากสวนเข้ามาในห้องที่มีสมาชิกครอบครัวหรือ
เพื่อนฝูงนั่งกันอยู่เต็ม
ภาพทั้งภาพเหมือนการเล่าเรื่องอัตชีวประวัติของตัวเขาเอง
ภาพวาด มาร์ต ภรรยาของเขาเอง เป็นชิ้นงานที่โดดเด่นอยู่หลายทศวรรษ
ไม่ว่าจะป็นภาพที่เธอนั่งในครัวบริเวณโต๊ะที่มีอาหารเหลือๆ
หรือภาพนู้ดของเธอในอ่างอาบน้ำ ฯลฯ นอกจากนี้ ปิแอร์ ยังวาดภาพเหมือนตัวอง
ภาพแลนด์สเคป ภาพฉากบนท้องถนน รวมถึงภาพหุ่นนิ่งอีกจำนวนหนึ่ง
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรูปผลไม้และดอกไม้
หลังจากที่เขาเสียชีวิตในปี 1947
ดูเหมือนว่าจะเอาผลงานและชื่อเสียงที่สร้างมาลงหลุมไปด้วย
กว่าจะหวนคืนบัลลังก์ศิลปะอีกครั้งก็ปาเข้าไปปี 1998
ที่มีการจัดนิทรรศการรำลึกถึงเขา 2 ครั้ง ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
และกรุงนิวยอร์ก สหรัฐ และหลังจากนิทรรศการ Pierre Bonnard : The Late
Interiors ที่เดอะ เม็ตส์ กรุงนิวยอร์ก ซึ่ง เจด เพิร์ล
นักวิจารณ์ศิลปะได้เขียนอวยเขามากมาย
ผลงานของเขากลายเป็นที่จับตาของนักสะสม
ภาพ Terrasse à Vernon
สร้างสถิติที่สถาบันประมูลคริสตีไปในราคา 8.5 ล้านยูโร (หรือราว 300
ล้านบาท) โดยในปี 2014 มีการเจอภาพ La Femme aux Deux Fauteuils (Woman
with Two Armchairs) มูลค่า 6 แสนยูโร (ราว 20
ล้านบาท) ซึ่งถูกขโมยไปจากลอนดอน ปี 1970 ที่อิตาลี พร้อมกับภาพเขียนของโปล
โกแกง Fruit on a Table with a Small Dog โดยพนักงานบริษัท เฟียต
ผู้ครอบครองภาพ เล่าว่า ซื้อมาจากตลาดของเก่าในปี 1975
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น