
ก่อนหน้านี้ ภาพเขียนแนวแอบสแทรกต์ของ ฟรานซิส เบคอน Three Studies of Lucian Freud เคยเป็นเจ้าของสถิติภาพแพงที่สุดในโลกที่ 142.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 4,700 ล้านบาท เมื่อปี 2013
ปาโบล ปิกัสโซ เขียนภาพที่แพงที่สุดในโลกขณะนี้ ในวันวาเลนไทน์ ปี 1955 ซึ่ง The Women of Algiers (Version ‘O’) นับเป็นภาพเวอร์ชั่นสุดท้ายที่เขาวาดสำหรับซีรี่ส์ดังกล่าว โดยเริ่มวาดมาหลายเวอร์ชั่น ตั้งแต่ปี 1954
ปาโบล เริ่มวาด The Women of Algiers หลังจากได้ข่าวว่าเพื่อนรักและคู่แข่งคนสำคัญ อย่าง อองรี มาติสส์ ได้ลาจากโลกนี้ไปเป็นเวลา 6 เดือนแล้ว เพื่อที่จะระลึกถึงเพื่อนยอดศิลปินโพสต์อิมเพรสชันรายนี้ เขาจึงตัดสินใจวาดภาพในแนวที่เพื่อนถนัดและโด่งดัง อย่างภาพหญิงสาวนอนเอกเขนกในท่าที่สบายๆ มีกลิ่นอายตะวันออกนิดๆ หรือในแวดวงศิลปะ เรียกว่า ภาพสไตล์โอดาลิสก์ (Odalisques) ที่ให้อารมณ์ของหญิงสาวในฮาเร็มของตุรกี

จิตรกรคิวบิสม์ เห็นความเหมือนระหว่างผลงานของ อูแชน เดอลาครัวซ์ จิตรกรยุคศตวรรษที่ 19 กับ อองรี มาติสส์ เขาจึงเลือกภาพของอูแชน ที่เป็นภาพมาสเตอร์พีซชื่อดังบนผนังพิพิธภัณฑ์ลูฟร์เป็นแรงบันดาลใจ นั่นคือภาพเขียนปี 1834 ชื่อ Femmes d'Alger dans leur appartement (Women of Algiers in their Apartment) คล้ายเช่นที่เขาเคยวาดภาพผลงานมาสเตอร์ทั้งหลายออกมาในสไตล์ของตัวเอง อย่าง Las Meninas ของ ดิเอโก เบลาซเกซ ก็ทำมาแล้ว
ปาโบล ปิกัสโซ สุดแสนจะ "อิน" มากกับการวาดภาพในซีรี่ส์นี้ ถึงขนาดทำอะไรที่มันเวอร์วัง อย่างการซื้อวิลลาสไตล์ย้อนยุค (Belle-Epoque) ลา กาลิฟอร์นี (La Californie) ในเมืองกานส์ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ในปี 1955 เพื่อสร้างบรรยากาศในการวาดภาพ The Women of Algiers ของเขาทีเดียว
อัลเฟรด บาร์ ภัณฑารักษ์ชื่อดังรายหนึ่งบอกว่า ผลงานที่สร้างสรรค์ ณ ลา กาลิฟอร์นี ถือเป็นจุดสูงสุดในชีวิตของจิตรกรคิวบิสม์ทีเดียวในความคิดของเขา
สำหรับภาพวาดในซีรี่ส์ The Women of Algiers ชิ้นที่โดดเด่น ก็มีอย่าง "Version H" ที่ ปาโบล ปิกัสโซ วาดเสร็จเมื่อ 24 ม.ค. 1955 โดยในปี 1997 ภาพนี้มีผู้ประมูลไปจากสถาบันคริสตีส์ กรุงนิวยอร์ก ในราคา 7.15 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันอยู่ในคอลเลกชั่นนาห์หมัด (ของนักค้างานศิลปะและมหาเศรษฐีชาวเลบานอน) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเพิ่งถูกยืมมาโชว์ ณ เทต แกลเลอรี่ เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ เมื่อต้นเดือน พ.ค. ปีนี้
"Version J" ได้รับการนำออกประมูลที่สถาบันโซเทอบีส์ กรุงลอนดอน เมื่อปี 2006 และปิดประมูลที่ราคา 18.6 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยตกเป็นสมบัติของคอลเลกชั่นนาห์หมัดเช่นกัน
ขณะที่ "Version K" มีผู้ประมูลไปจากสถาบันคริสตีส์ กรุงนิวยอร์ก ด้วยราคา 6.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วน "Version L" นั้นขายให้กับพิพิธภัณฑ์หอศิลป์แบร์กกรุน (Berggruen Museum) ในกรุงเบอร์ลิน ประทศเยอรมนี ไปที่ราคา 11.4 ล้านหรียญสหรัฐ ไปเมื่อปี 2011

มาถึง "Version M" นั้นก็ได้มีผู้ประมูลไปจากสถาบันคริสตีส์ กรุงนิวยอร์ก ที่ราคา 10 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมๆ กับ "Version H" ด้าน "Version N" ปัจจุบันเป็นสมบัติของพิพิธภัณฑ์หอศิลป์มิลเดรด เลน เคมเปอร์ (Mildred Lane Kemper Art Museum) ในมหาวิทยาลัยวอชิงตัน เมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี จากการบริจาคของกองทุนสไตน์แบร์ก ตั้งแต่ปี 1960
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น