หลังจากจิตรกรชื่อดังชาวสเปน อันโตนี ตาปีเอส เสียชีวิตลงด้วยวัย 88 ปี หนังสือพิมพ์ประจำกรุง บาร์เซโลนา เอล เปริโอดิโก ก็ขนานเขาว่าเป็น “ศิลปินผู้ไม่มีใครเหมือน”
อันโตนี ถือว่าเป็นกำลังสำคัญและเป็นฮีโร่ ในการนำศิลปะสเปนยุคหลังสงคราม ให้โดดเด่นเป็นที่รู้จักของชาวโลก
สไตล์ของเขาจัดอยู่ในความเป็นแอบสแทรกต์ที่เต็มไปด้วยจินตนาการ ถือเป็นมรดกตกทอดมาหลังจากยุคปาโบล ปิกัสโซ และโฆอาน มีโร ในผลงานของเขากอปรไปด้วยความเชื่อของกาตาลันจากยุคกลาง จิตวิญญาณตะวันออก ไปจนถึงความเชื่อเรื่องภูตผีวิญญาณ และความรู้สึกต่อต้านเผด็จการ
ผลงานของอันโตนี ตาปีเอส เป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มชาวสเปนซึ่งรักประชาธิปไตย ตั้งแต่สมัยที่ยังปกครองแบบเผด็จการฟาสต์ซิส โดยนายพลฟรังโก

“ช่วงนั้นผมยังหนุ่มๆ รู้สึกเหมือนเป็นผู้เผยแผ่ศาสนา” อันโตนีให้สัมภาษณ์เอาไว้ในปี 1990 ด้วยว่า ยุคนั้นแวดวงศิลปะรายล้อมไปด้วยชิ้นงานจากแอฟริกา โอเชียเนีย และจากหลายๆ แห่งทั่วโลก
อันโตนี ตาปีเอส เกิดในครอบครัวคนชั้นกลาง เมื่อปี 1923 เขาเริ่มต้นวาดภาพขณะที่ป่วยหนัก ช่วงปี 1942–1943 โดยการเรียนรู้ด้วยตัวเอง นอกจากศิลปะแล้วสิ่งที่เขาทำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยก็คือ อ่านหนังสือ โดยสนใจเป็นพิเศษทางด้านฟิสิกส์ พุทธศาสนา ศาสนานิกายเซน และลัทธิเต๋า ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลล้วนมีอิทธิพลต่องานศิลปะของเขาอย่างสูง เช่นเดียวกับความฝันจินตนาการอันเพริศแพร้ว และงานศิลปะของ โฆอาน มีโร กับพอล คลี

อ่านคำบรรยายแล้วอาจจะเห็นเป็นเรื่องขำๆ ในการเล่นแร่แปรธาตุของอันโตนี ทว่า แดน คาเมรอน ภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ออเรนจ์ เคาน์ตี บอกว่า ศิลปินอย่าง แจนนิส คูเนลลิส ชาวกรีก เห็นว่ามันเวิร์กมากและนำมาใช้ในงานของตัวเองบ้าง
มานูเอล บอร์ฆา-วิลเลล ผู้ก่อตั้งมูลนิธิอันโตนี ตาปีเอส ในบาร์เซโลนา และผู้อำนวยการหอศิลป์เรนา โซเฟีย ในมาดริด บอกว่า อันโตนีนับเป็นสะพานเชื่อมระหว่างศิลปะยุคอาวองต์-การด์ อันเป็นตำนานมาสู่คนรุ่นใหม่ๆ “จะว่าไป เขาไม่ได้อยู่ในยุคโมเดิร์น แล้วก็ไม่ได้เป็นโพสต์โมเดิร์นด้วย ด้วยความที่เขาเป็นตัวของตัวเองมากๆ ทำให้เขาน่าสนใจ ถ้าหากคุณไม่เคยเรียนรู้วัฒนธรรมสเปนมาก่อน คุณสามารถเรียนรู้ได้จาก ผลงานของเขา”

นอกจากนี้ เทต โมเดิร์น แกลเลอรี โดยภัณฑารักษ์มือฉมัง อย่าง วิเชนเต โตดอเล ยังวางแผนจะนำผลงานชุดเดียวกันนี้ รวมทั้งผลงานส่วนตัวที่เขาสะสมไว้ ออกมาจัดแสดงด้วยในปีหน้า
สำหรับนาทีนี้ ชมที่แกลเลอรี “Art of My Life” ไปพลางๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น