โรเบิร์ต เดอ นีโร ซีเนียร์ ชื่อแสนคุ้นเคยอย่างนี้ บอกเลยแล้วกันว่าเขาคือบิดาผู้ล่วงลับของนักแสดงออสการ์ชื่อเดียวกัน โรเบิร์ต เดอ นีโร ซึ่งแม้หน้าตาจะหล่อเหลาดูดี ไม่แพ้ลูกชาย นักแสดง แต่ทั้งชีวิตผู้พ่อทุ่มเทให้งานศิลปะล้วนๆ
สตูดิโอในย่านโซโห กรุงนิวยอร์ก คงเก็บทุกอย่างเอาไว้เช่นวันสุดท้ายที่ โรเบิร์ต เดอ นีโร ซีเนียร์ (ปี 1922-1993) ยังมีชีวิตอยู่ แม้เวลาจะล่วงผ่านมาเกือบ 20 ปีแล้วก็ตาม – ใครที่ได้มีโอกาสไปชม จะได้เห็นบรรยากาศของศิลปินสไตล์โบฮีเมียนจากยุคทศวรรษที่ 1950 ไม่ว่าจะเป็นกรงนกรูปไข่ หรืออุปกรณ์สกีจากยุคนู้น
ขณะที่ฝาผนังของสตูดิโอสไตล์ลอฟต์ ประดับประดาไปด้วยผ้าทอมือและหน้ากากหลากสีสันและสไตล์จากแอฟริกา ภาพใบปิดสไตล์โฟล์กอาร์ต ภาพดรออิงไร้สีตัดกับภาพวาดสีน้ำสดใส
บริเวณระเบียงอัดแน่นไปด้วยเฟรมผ้าใบวางพิงซ้อนๆ กัน คู่กับแจกันสีสดตั้งยาวเป็นแถว นำทางสู่ด้านในของสตูดิโอขนาดใหญ่ ที่มีขาตั้งเฟรมสำหรับวาดรูปอยู่ 3 ตัว – ขาตั้งตัวหนึ่งยึดครองพื้นที่โดยภาพแลนด์สเคป สไตล์โฟวิสต์ ที่ โรเบิร์ต เดอ นีโร ซีเนียร์ วาดไว้ในปี 1977 ใกล้ๆ กัน หลอดสีน้ำมันอ้วนพองและระเบิดออกตามกาลเวลา ปล่อยสีให้เลอะเทอะอยู่บนโต๊ะวาดรูป
ที่แห่งนั้นหาได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ แต่นับเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศิลปิน ซึ่งลูกชายนักแสดงออสการ์เคยบอกไว้ว่า จะเก็บรักษาไว้อย่างนี้จนวันสุดท้ายของชีวิตเขาเอง เพื่อลูกๆ จะได้รู้จักคุณปู่ยอดศิลปิน
![]() |
โรเบิร์ต เดอ นีโร จูเนียร์ กับ ซีเนียร์ |
นับเป็นครั้งแรกที่มีการจัดแสดงผลงานศิลปะเต็ม รูปแบบนอกบ้านของศิลปิน (Estate of Robert De Niro, Sr.) อันเป็นสถานที่จัดแสดงหลัก ประกอบด้วย ภาพหุ่นเปลือย (Figure Painting) ภาพแลนด์สเคป ภาพสติลไลฟ์ รวมทั้ง ชาร์โคล ดรออิง อันเป็นผลงานจากช่วงชีวิตการทำงานเข้มข้น ระหว่างปี 1960-1993
แต่ละภาพแสดงให้เห็นการใช้เส้น การวาดโครงร่างนาง/นายแบบอย่างมีเอกลักษณ์ นอกจากนี้ ยังแสดง อิทธิพลอย่างสูงที่ได้รับจากศิลปินระดับมาสเตอร์ชาวยุโรป อย่าง อูแชน เดอลาครัวซ์ ไปจนถึง อองรี มาติสส์

ทศวรรษที่ 1930 โรเบิร์ต เดอ นีโร ซีเนียร์ ได้ไปฝึกงานที่พิพิธภัณฑ์หอศิลป์ของ ฮิลลา เรเบย์ ซึ่งเต็มไปด้วยความหลากหลายทางศิลปะ แน่นอนว่า เขาสร้างสรรค์ ทดลองศิลปะในสไตล์ของตัวเองควบคู่ไปด้วย และได้เป็นส่วนหนึ่งในการแสดงศิลปะ Art of This Century in New York ปี 1945 ณ เพกกี กุกเกนไฮม์ แกลเลอรี ซึ่งขณะนั้นนับว่าเริ่ดที่สุด เป็นศูนย์รวมของศิลปะเด็ดๆ ของยุโรปที่ทะลักเข้ามา รวมถึงเป็นที่ "ปล่อยของ" ของศิลปินไฟแรงชาวอเมริกัน ไล่มาตั้งแต่ แจ็กสัน พอลล็อก มาร์ก รอธโก โรเบิร์ต มาเธอร์เวลล์ และคลีฟฟอร์ด สติล เป็นอาทิ

ปีถัดมา โรเบิร์ตจัดนิทรรศการเดี่ยวเป็นครั้งแรก โดยผลงานส่วนใหญ่เป็นงานสไตล์แอบสแทรกต์ กับภาพวาดสีน้ำมันหุ่นเปลือย น่าเสียดายที่ผลงานในช่วงนี้ได้ถูกทำลายไปจากเหตุไฟไหม้สตูดิโอในปี 1949
นับจากปี 1950 ยอดศิลปินโบฮีเมียนก็มีผลงานแสดงเดี่ยวที่นั่นที่นี่อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งผลงานแสดงร่วมกับศิลปินชื่อดังของอเมริกาขณะนั้นด้วย ไม่ว่าจะเป็น วิลเลม เดอ คูนิง ฟรานซ์ ไคลน์ ฟิลิป กัสตัน และอื่นๆ อีกมากมาย ที่สำคัญๆ ก็อย่างเช่น งานแสดงศิลปะประจำปีของวิตนีย์ มิวเซียม งานแสดงศิลปะประจำปีที่สเตเบิล แกลเลอรี งานแสดงศิลปะรวมหัวกะทิโรงเรียนศิลปะนิวยอร์ก : รุ่นที่สอง รวมถึงงานแสดงศิลปะฉลองปี 1957 ของ จิววิช มิวเซียม ฯลฯ

ในช่วงสุดท้ายของชีวิต (ปี 1985-1993) ผลงานของเขาเน้นไปที่ภาพสติลไลฟ์ ซึ่งคล้ายปลุกจิตวิญญาณของศิลปะการตกแต่งสไตล์ฝรั่งเศสขึ้นมาใหม่ ภาพสติลไลฟ์ รูปมะนาว กุหลาบ เหยือกน้ำ และแมนโดลินบนโต๊ะ ซึ่งเขาวาดที่สตูดิโอในโซโห นับเป็นประจักษ์หลักฐานได้อย่างดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น