นานๆ ที หอศิลป์คริส บีเทิลส์ แกลเลอรีในอังกฤษ ร่วมกับสถาบันซอเธอบีส์ จะมีโอกาสจัดนิทรรศการภาพถ่ายของช่างภาพชั้นแนวหน้าผู้ล่วงลับ เซซิล บีตัน โดยรวบรวมผลงานระดับมาสเตอร์พีซของช่างภาพชาวอังกฤษผู้เอกอุ ไม่ว่าจะเป็นภาพของ นักแสดงฮอลลีวูดชื่อดัง อย่าง มาริลีน มอนโร หรือออเดรย์ เฮปเบิร์น คู่ศิลปินดูโอ กิลเบิร์ต โปรเอสช์ และจอร์จ พาสมอร์ รวมถึงพระบรมฉายาลักษณ์ของราชวงศ์อังกฤษ
นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ ปี โดยได้รวบรวมผลงานระดับมาสเตอร์พีซของช่างภาพดังกว่า 70 ภาพ ซึ่งครอบคลุมในหลากหลายสาขาที่เขาเคยคลุกคลี และนับเป็นนิทรรศการครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยจัดแสดงผลงนของเซซิล
กิลส์ ฮักซ์ลีย์-พาร์เลอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายภาพถ่ายของหอศิลป์คริส บีเทิลส์ แกลเลอรี กล่าวว่า เซซิล บีตัน นับเป็นบุคคลสำคัญในวัฒนธรรมและไลฟ์สไตล์ของอังกฤษ และของศตวรรษที่ 20 "เขาเป็นทั้งนักสร้างสรรค์และ ผู้จดบันทึกทางประวัติศาสตร์ เป็นทั้งช่างภาพ จิตรกร นักวาดภาพประกอบ นักเขียน ทั้งยังเป็นนักออกแบบฉากและเครื่องแต่งกายมือรางวัลออสการ์อีกด้วย"
เซซิล กลายเป็นศูนย์กลางแห่งแวดวงแฟชั่นตั้งแต่ทศวรรษที่ 1920 โดยผลงานโบแดงชิ้นแรกของเขาคือการสร้างชื่อเสียงให้ครอบครัวซิตเวลล์ (เอดิธ/ออสเบิร์ต และซาเชอเวลล์ ซิตเวลล์) ครอบครัวศิลปิน-นักเขียน ซึ่งช่างภาพคนดังได้ถ่ายทอดความไม่ธรรมดาของศิลปิน-นักเขียนรุ่นใหม่ทั้ง 3 คน รวมทั้งนักคิดอย่าง สตีเฟน เทนแนต์ ภายใต้คอนเซปต์ Bright Young Things ตีพิมพ์ในนิตยสารชั้นนำ ทั้ง Vogue, Tatler และ Vanity Fair
ผลงานของเซซิล ทำให้วงการการถ่ายภาพบุคคล รวมทั้งรูปแบบการถ่ายภาพแฟชั่น ต้องพลิกโฉมไปอย่างสิ้นเชิง โดยเปลี่ยนไปเป็นยุคซึ่งนิยมภาพถ่ายลักษณะที่เน้นความหรูหรา สง่างาม และสติปัญญาของช่างภาพ ในการดึงความเป็นตัวตนของคนที่อยู่ในภาพออกมาให้ดีที่สุด
ด้วยเพราะหลงใหลในความงาม เซซิล บีตัน จึงมักจะคิดถึงเครื่องประกอบฉากทุกครั้งในการถ่ายภาพ และ เนื่องเพราะมีประสบการณ์ด้านการออกแบบเสื้อผ้าและอุปกรณ์ประกอบฉากในละครเวทีมาก่อน เขาจึงได้นำสิ่งเหล่านี้เข้ามาใช้ในการถ่ายภาพคน โดยทดลองใช้วัสดุต่างๆ อย่างกระจก และข้าวของย้อนยุค รวมทั้งการจัดฉากแบบไม่ธรรมดาโดยอิงกับบุคลิกของผู้ที่เป็นแบบ
เขาเคยเป็นช่างภาพประจำนิตยสาร Vogue เวอร์ชันอังกฤษในปี 1931 ช่างภาพของ Vogue เวอร์ชันฝรั่งเศส จอร์กจ์ ออยนิเยน-อูเอน เดินทางมาอังกฤษ ทั้งคู่ได้ทำงานร่วมกันในโครงการ The Channel and the Atlantic อันเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของ ช่างภาพของ Vogue ทั้งสองประเทศออกมาเป็นผลงานที่เต็มไปด้วยสไตล์และไม่ธรรมดา
กล้องตัวแรกที่เซซิลใช้คือ โกดัก 3A รุ่นยืด หด และพับได้ (ลักษณะเหมือนแอกคอร์เดียน) เมื่อสถานะทางการเงินเริ่มมั่นคง เขาก็เริ่มเปลี่ยนมาใช้กล้องที่ดี เสถียรขึ้น อย่างกล้อง โรลลีเฟล็กซ์ ทั้งตัวใหญ่และเล็ก อย่างไรก็ตาม เซซิลไม่ได้สร้างชื่อจากเทคนิคในการถ่ายภาพ ทว่า เป็นการสร้างสไตล์ให้กับภาพและการ ดึงเอาบุคลิกของแบบออกมาอย่างเยี่ยมยอด
ในปลายทศวรรษที่ 1930 ชื่อของเซซิลก็ติดลมบนในฐานะช่างภาพชั้นนำ เขาเป็นมือหนึ่งในการถ่ายภาพคนดังและนักแสดงทั้งหลายของ ทั้งสองฟากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ดังกระทั่งสำนักพระราชวังอังกฤษก็ยังเมินไม่ได้ ต้อง ให้เป็นผู้บันทึกพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 และพระฉายาลักษณ์ของราชวงศ์อังกฤษพระองค์อื่นๆ ทั้งควีนมัม และเขานี่เองเป็นผู้บันทึกภาพประวัติศาสตร์ อย่างพิธีอภิเษกสมรสของดยุกและดัชเชสแห่งวินด์เซอร์ ฯลฯ
ในช่วงสงครามโลกครั้ง 2 แม้ว่าภาพถ่ายแนวหรูหราอาจจะดูซบเซา แต่เซซิลก็ยังได้โอกาสถ่ายภาพให้กระทรวงการสื่อสาร เป็นภาพชีวิตผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ทหารที่แนวหน้า ทั้งที่ประจำในและต่างประเทศ โดยมีภาพถ่ายชื่อดังเป็นรูปของเหยื่อสงครามวัย 3 ขวบ ไอลีน ดูน กับตุ๊กตาหมีของเธอ ขณะพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล
หลังจากที่ภาพดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ อเมริกา ซึ่งขณะนั้นยังไม่เข้าร่วมในสงครามโลกครั้ง 2 ก็กระโจนเข้าสู่สนามรบในทันที
หลังสงครามนับว่าเขามีส่วนอย่างมาก ในการช่วยให้นักร้อง นักแสดง และศิลปินหลายคน โดดเด่นขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น มิก แจ็กเกอร์ มาริลีน มอนโร หรือแอนดี วอร์ฮอล แถมยังสร้างช่างภาพรุ่นหลังขึ้นมาเป็นตัวตายตัวแทน อย่าง เดวิด เบลีย์ และแองกัส แม็กบีน ซึ่งล้วนกลายเป็นช่างภาพแถวหน้าของวงการภาพถ่ายบุคคลและวงการแฟชั่นของอังกฤษ
ในปี 1972 เซซิลได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ ชั้นอัศวิน หลังจากนั้น 2 ปี เขาเกิดเส้นเลือดในสมองแตก และร่างกายด้านขวาขยับไม่ได้เลย ระหว่างต้องนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียง เขาพยายามเรียนการเขียนหนังสือและวาดภาพเช่นเดียวกับการถ่ายภาพด้วยมือซ้าย แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไหร่ เขาจึงขายภาพระดับมาสเตอร์พีซให้สถาบันซอเธอบีส์ เพื่อที่จะนำเงินมาเลี้ยงดูตัวเองในบั้นปลาย โดยสถาบันประมูลชื่อดังเปิดประมูลภาพถ่ายของเขามาแล้ว 5 ครั้ง ครั้งแรกในปี 1977 และ ครั้งสุดท้ายในปี 1980 หลังจากที่เขาเสียชีวิต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น